Holiday-Tourismthailand

ท่องเที่ยว สูตรอาหารไทย อาหารเพื่อสุขภาพ ทั่วไทย เกาะช้าง เกาะเสม็ด เกาะกูด ภูกระดึง ระยอง หัวหิน พัทยา เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต และ สถานที่ท่องเที่ยว ต่างๆ.

Custom Search


เมืองพังงา เมืองที่สงบเงียบดูเรียบง่าย เป็นอำเภอที่มีภูเขารูปลักษณะสวยงามแปลกตาตลอดเส้นทาง ภูเขาเหล่านี้มีต้นไม้เขียวครึ้มขึ้นปกคลุม ทำให้ดูชุ่มชื้นและเย็นสบาย มีถนนหนทางที่สะอาด ตึกสองข้างทางยังเป็นตึกเตี้ย ๆ ที่ไม่บดบังความสวยงามของทิวทัศน์ธรรมชาติ เป็นเมืองที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเรียบง่ายในการพักผ่อนอยู่กับธรรมชาติไม่มีแสงสี และก่อนจะเข้าถึงตัวเมืองพังงา จะมองเห็น “เขารูปช้าง” สูงตระหง่านแต่ไกล ถือเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัด
สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดพังงาที่น่าสนใจ
• สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ถนนเขาช้าง ริมถนนเพชรเกษม เยื้องศาลากลางจังหวัด เป็นสวนสาธารณะที่มีทัศนียภาพสวยงาม มีรูปหล่อโลหะของ “สมเด็จย่า” ในท่าทรงประทับยืนอยู่กลางสวน ช่วงเย็นๆ จะมีประชาชนมาออกกำลังกายและพักผ่อนกันมาก
• ถ้ำฤาษีสวรรค์ และถ้ำลูกเสือ อยู่ในสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ถ้ำฤาษีสวรรค์ จะอยู่ด้านหน้าถ้ำลูกเสือ ภายในจะมีธารน้ำใส เย็นสบาย มีหินงอกหินย้อย สามารถเดินจากด้านหน้าถ้ำทะลุไปด้านหลังถ้ำได้ จากนั้นจึงเดินไปยังถ้ำลูกเสือ ที่มีขนาดเล็กกว่าถ้ำฤาษีสวรรค์ ในถ้ำมีหินงอกหินย้อยอยู่ประปราย และมีฝูงลิงอยู่ด้านหน้าถ้ำด้วย
• วนอุทยานสระนางมโนห์รา อยู่ตำบลนบปริง ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาทอยนางหงษ์ มีพื้นที่ทั้งหมด 180 ไร่ พื้นที่โดยทั่วไปเป็นภูเขาหินปูนเป็นแนวยาวจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปทิศใต้ เป็นป่าประเภทป่าดงดิบหรือป่าฝน วนอุทยานฯ ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ มีลำธารไหลจากป่าต้นน้ำที่อยู่บนสันเขาผ่านหุบเขาทั้งพื้นที่ราบ และพื้นที่ต่างระดับทำให้เกิดน้ำตกขนาดเล็ก มีไม้ทางเศรษฐกิจคือ ไม้หลุมพอ ตะเคียน จำปาป่า สัตว์ป่า ได้แก่ เลียงผา ลิง ค่าง หมูป่า ปลาเสือ ปลาพลวงหิน ตะพาบน้ำ ที่มาของชื่อวนอุทยาน “สระนางมโนราห์” ตามความเชื่อเล่าว่ามีนางกินรี 7 ตน บินจากเขาไกรลาศมาเล่นน้ำในสระ แล้วพรานบุญใช้บ่วงบาศจับน้องสุดท้อง ที่ชื่อว่ามโนราห์ไว้ได้ เพื่อนำไปถวายพระสุธน ชาวบ้านจึงใช้เรียกชื่อสระนี้
สถานที่น่าสนใจภายในเขตวนอุทยานสระนางมโนราห์ ได้แก่
• น้ำตกสระนางมโนราห์ มีลักษณะเป็นแอ่งน้ำขนาดกลาง และมีน้ำตกขนาดเล็กที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี
• ถ้ำเปลือกหอย อยู่ห่างจากที่ทำการ 1,300 เมตร เป็นถ้ำขนาดกลางที่มีสุสานหอยอยู่ภายใน เส้นทางเดินเป็นทางลาด เดินสบาย
• ถ้ำขี้ค้างคาว อยู่ห่างจากที่ทำการ 2,300 เมตร เป็นถ้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าถ้ำเปลือกหอย มีค้างคาวอาศัยอยู่จำนวนมาก ทางเดินไม่ลาดชันสามารถเดินเที่ยวได้เอง
• ถ้ำแก้ว อยู่ห่างจากที่ทำการ 3 กิโลเมตร เป็นถ้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าถ้ำขี้ค้างคาว อยู่ห่างจากถ้ำขี้ค้างคาวประมาณ 1,500 เมตร ในถ้ำมีหินงอก หินย้อยสวยงาม การเดินเที่ยวถ้ำแก้วจะต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง
• นอกจากนี้วนอุทยานฯ มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติซึ่งมีป้ายสื่อความหมายแสดงความเป็นอยู่ร่วมกันของพืชและสัตว์ ระยะทาง 2 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินประมาณ 1 ชั่วโมง นักท่องเที่ยวสามารถเดินได้เอง ไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง
• ที่พัก วนอุทยานฯ ไม่มีบ้านพัก แต่มีสถานที่กางเต็นท์ไว้บริการนักท่องเที่ยวต้องนำเต็นท์ และเครื่องนอนพร้อมอุปกรณ์ในการพักแรมมาเอง และทางวนอุทยานฯ มีบริการร้านอาหาร เปิดตั้งแต่เวลา 09.00 น.–16.30 น. สอบถามรายละเอียดได้ที่ หัวหน้าวนอุทยานสระนางมโนราห์ ตำบลนบปริง อำเภอเมือง จังหวัดพังงา 82000
• การเดินทาง จากตัวเมืองพังงาใช้ทางหลวงหมายเลข 4 ถนนเพชรเกษม ไปทางตำบลนบปริง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 4 กิโลเมตร จะมีป้ายวนอุทยานฯ เลี้ยวขวาเข้าไป 4 กิโลเมตร
• สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าจังหวัดพังงา อยู่ริมถนนเพชรเกษม ตำบลตากแดด จากตัวเมืองพังงา อยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 33 (เยื้ององค์การโทรศัพท์จังหวัดพังงา) มีการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าที่หายาก และใกล้สูญพันธุ์ เช่น นกปรอดหัวโขนเคราแดง นกแก็บ นกแสก เหยี่ยวแดง ไก่ฟ้าสีทอง นกยูงไทย-อินเดีย นอกจากนี้ยังมีเลียงผา เม่น ชะนี ลิง ค่างดำ หมี เป็ด เปิดให้เข้าโดยไม่เสียค่าเข้าชมทุกวัน เวลา 08.30–16.30 น. หากต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะ และต้องการเจ้าหน้าที่นำชม ต้องทำหนังสือติดต่อล่วงหน้าถึง หัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าจังหวัดพังงา สอบถามรายละเอียดได้ที่ สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าจังหวัดพังงา โทร. 0 7641 3261
• เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนปริวรรต อยู่ตำบลสองแพรก มีพื้นที่ 100,000 ไร่ ร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้ต่าง ๆ มีน้ำตกโตนปริวรรต หรือชาวบ้านเรียกว่า “น้ำตกสองแพรก” ห่างจากเขตรักษาพันธุ์ฯ 100 เมตร เป็นน้ำตกไม่สูงนักเบื้องล่างเป็นแอ่งน้ำที่ยังมีเศษแร่ตกค้างอยู่ ช่วงหน้าฝนน้ำจะไหลแรง มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 2 กิโลเมตร ตามเส้นทางสามารถจะเห็น บัวผุด เป็นพันธุ์ไม้ที่มีดอกใหญ่ที่สุดในโลก เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 80 เซนติเมตร เป็นพืชกาฝากเกาะกินรากไม้เถาชื่อ ย่านไก่ต้ม กลีบดอกมี 5 กลีบ มีสีน้ำตาลแดง เป็นพืชที่หาดูได้ยากจะเกิดเฉพาะป่าที่มีความสมบูรณ์ ออกดอกปลายหน้าฝนประมาณเดือนตุลาคม นอกจากนั้นตามเส้นทางจะสังเกตุเห็น เหมืองเก่าร่องรอยแห่งอดีต จุดดูนก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์ของป่า ผ่านน้ำตกหินเพิง ซึ่งถือเป็นแหล่งต้นน้ำ เป็นต้น การเดินศึกษาต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ปัจจุบันมีบริษัทนำเที่ยวจัดกิจกรรมท่องเที่ยวทั้งนั่งช้างผ่านป่าชมธรรมชาติสองข้างทางของลำธารซึ่งยังคงความบริสุทธิ์ของป่าที่ยังไม่มีใครเข้าไปรุกราน และล่องแก่ง ที่นี่มีเกาะแก่งมากทำให้สนุกสนานและตื่นเต้นเหมาะสำหรับผู้ที่รักการผจญภัย โดยใช้เวลาในการล่องแก่งประมาณ 45 นาที และสามารถล่องได้ตลอดทั้งปี
• ที่พัก มีบ้านพักไว้บริการนักท่องเที่ยว จำนวน 2 หลัง และมีที่กางเต็นท์โดยนักท่องเที่ยวจะต้องนำเต็นท์มาเอง ติดต่อขอรายละเอียดได้ที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนปริวรรต หมู่ 2 ตำบลสองแพรก อำเภอเมือง จังหวัดพังงา 82000
• การเดินทาง รถยนต์ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 5 กิโลเมตร จากทางหลวงหมายเลข 4 เลี้ยวขวาที่บ้านสองแพรกเข้าไปประมาณ 10 กิโลเมตร รถโดยสารประจำทาง สามารถนั่งรถสายกรุงเทพฯ-พังงา มาลงที่สถานีเดินรถโดยสารประจำทางจังหวัดพังงาแล้วทางเจ้าหน้าที่เขตฯ จะมารับ โดยต้องติดต่อล่วงหน้า
• อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา มีพื้นที่ประมาณ 250,000 ไร่ ครอบคลุมอำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง และอำเภอเกาะยาว อุทยานฯ แห่งนี้เป็นอุทยานแห่งชาติประเภทชายฝั่งทะเลแห่งที่สองของประเทศ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเล และเกาะน้อยใหญ่ มีเขาหินปูนลักษณะต่าง ๆ ที่มีความงามแตกต่างกันไปตามลักษณะของหิน สมบูรณ์ด้วยป่าชายเลน และยังเป็นแหล่งขยายพันธุ์สัตว์น้ำอีกด้วย ประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2524 ช่วงที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวคือ เดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายน ส่วนเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคมเป็นช่วงที่ฝนตกชุก คลื่นลมแรง
สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดพังงาที่น่าสนใจภายในเขตอุทยานฯ ได้แก่
• เกาะปันหยี เป็นเกาะเล็ก ๆ มีที่ราบประมาณ 1 ไร่ มีบ้านเรือน 200 หลังคาเรือน ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม มีอาชีพประมง ขายของที่ระลึก และขายอาหารให้แก่นักท่องเที่ยว มีโรงเรียน และสถานีอนามัยอยู่บนเกาะ
• เกาะพนัก เป็นเกาะที่สวยงาม มีถ้ำหินงอก หินย้อย และมีแอ่งน้ำตกขนาดเล็กเป็นชั้น ๆ ลดหลั่นกันอยู่ในถ้ำด้วย
• เขาพิงกัน เหตุที่ชื่อนี้เพราะภูเขาหินแตกออกจากกัน หินที่เล็กกว่าเลื่อนลงมา ฐานจมลงไปในดินแยกห่างจากกัน ส่วนด้านบนยังคงพิงกันอยู่ ด้านหลังของเขาพิงกันมีทิวทัศน์ที่สวยงาม มองออกไปในทะเลจะเห็น “เขาตะปู” หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “เกาะเจมส์บอนด์” มีลักษณะเหมือนตะปู อยู่กลางน้ำ อุทยานฯ เก็บค่าขึ้นเขาพิงกัน ชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท เพราะเป็นเกาะที่อยู่บนหาด
• เขาหมาจู อยู่ระหว่างทางผ่านที่จะไปยังเกาะปันหยี เขาหมาจู เป็นภูเขาหินมีลักษณะคล้ายรูปสุนัขแบ่งเป็นส่วนหัว ลำตัวและหางเป็นพู่
เขาเขียน หรือ ภาพเขียนสี เป็นทางผ่านที่จะไปยังเกาะปันหยี บริเวณหน้าผาจะมีรูปเขียนเป็นภาพสัตว์ชนิดต่าง ๆ สันนิษฐานว่าเป็นภาพวาดโดยนักเดินเรือสมัยโบราณที่แวะมาจอดพักหลบมรสุม ซึ่งกรมศิลปากรได้ทำการศึกษาว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 3,000 ปี
ถ้ำลอด เป็นภูเขาลักษณะเกาะทะลุ ปากถ้ำกว้างประมาณ 50 เมตร สูง 40 เมตร เรือขนาดเล็กสามารถแล่นผ่านทะลุไปอีกด้านของถ้ำได้ บนเพดานถ้ำมีหินย้อยดูแปลกตา
• เกาะห้อง เป็นภูเขาเล็กใหญ่สลับซับซ้อน เมื่อแล่นเรือเข้าไประหว่างเกาะ มองโดยรอบเหมือนอยู่ในห้องโถงใหญ่ที่มีประตู 2 บาน และเป็นแหล่งปะการังที่สวยงาม
• การเดินทางไปอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา
• ทางรถยนต์ อุทยานฯ อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 8 กิโลเมตร จากทางหลวงหมายเลข 4 จะมีทางแยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 4144 เข้าไปประมาณ 4 กิโลเมตร จะถึงท่าเรือท่าด่านศุลกากร สามารถเช่าเรือจากบริเวณท่าเรือได้ หรือเดินทางโดยรถสองแถว มีรถออกจากตัวเมืองไปท่าเรือท่าด่านศุลกากรทุกวัน
• การเช่าเรือล่องอ่าวพังงา มีเรือบริการนำเที่ยวออกจากท่าเรือต่าง ๆ ดังนี้
• ท่าเรือท่าด่านศุลกากร ใกล้โรงแรมพังงาเบย์ รีสอร์ท มีเรือนำเที่ยวหลายขนาดให้เช่า เรือสำหรับ 5 คน ราคา 650 บาท 15 คน ราคา 1,500 บาท 40–50 คน ราคา 2,500 บาท 80 คน ราคา 3,500 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-4 ชั่วโมง
• ท่าเรือสุระกุล หรือ ท่าเรือกะโสม ในอำเภอตะกั่วทุ่ง มีเรือให้เช่าหลายขนาด เรือสำหรับ 1–10 คน ราคา 1,000 บาท 11–20 คน ราคา 1,200 บาท 21–30 คน ราคา 1,500 บาท
• ท่าเรือในบริเวณอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา มีเรือหลายขนาดไว้บริการนักท่องเที่ยว เรือสำหรับ 2-4 คน ราคา 800 บาท 10–15 คน ราคา 1,500 บาท 40 คน ราคา 3,500 บาท 41–60 คน ราคา 4,500 บาท 61–80 คน ราคา 5,500 บาท* ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-4 ชั่วโมง (อัตราค่าเรืออาจเปลี่ยนแปลงได้)
• ที่พัก อุทยานฯ มีบ้านพักบริการนักท่องเที่ยว จำนวน 5 หลัง พักได้ 4 คน ราคา 500 บาท พักได้ 15 คน ราคา 900 บาท มีบริการเต็นท์ให้เช่า พักได้ 1-2 คน ราคา 200 บาท พักได้ 5 คน ราคา 250 บาท ในกรณีที่นักท่องเที่ยวนำเต็นท์มาเองเสียค่าอาบน้ำคนละ 20 บาท
• สอบถามรายละเอียดได้ที่ อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา 80 หมู่ 1 ตำบลเกาะปันหยี อำเภอเมือง จังหวัดพังงา 82000 โทร. 0 7641 1136, 0 7641 2188 หรือส่วนอุทยานแห่งชาติทางทะเล กรมป่าไม้ บางเขน กรุงเทพฯ โทร. 0 2561 2920-1


ลักษณะ
จังหวัดชุมพรเป็นที่สูงมีเทือกเขาตะนาวศรีลาดเทจากทิศตะวันตกสู่พื้นที่ต่ำทางทิศตะวันออก จึงประกอบด้วยภูเขาหินปูนตลอดแนวทิศตะวันตก และเป็นแหล่งแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง แร่หินอุตสาหกรรมที่ได้จากการระเบิดภูเขาหินเป็นหินประเภทหินปูน (Limstone) จัดเป็นหินชั้นหรือหินตะกอน ประกอบด้วยแคลเซี่ยมคาร์บอนเนต (CACO2) เป็นส่วนใหญ่เพราะเกิดจากการตกตะกอนของซากดึกดำบรรพ์ (Fossils) ของพวก ซากหอยต่าง ๆ ปะการัง สาหร่ายทะเล ซากสัตว์ที่มีโครงกระดูกทับถมกันเป็นเวลาหลายร้อยปี
แหล่งที่พบ
ภูเขาที่ใช้เป็นแหล่งหินอุตสาหกรรมมีในท้องที่เขตอำเภอท่าแซะ อำเภอหลังสวน อำเภอเมือง และอำเภอละแม
ความสัมพันธ์กับชุมชน
ภูเขาหินปูนที่ได้รับสัมปทานให้ระเบิดหินเพื่อใช้ในภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ส่งผลให้มีการจ้างงานในท้องถิ่น เพราะต้องใช้แรงงานในการวางระเบิด การขับรถบรรทุกหินลำเลียงเข้าโรงโม่ และบุคลากรที่ทำงานในโรงโม่หิน แต่ส่งผลกระทบกับชุมชนในด้านต่าง ๆ เช่น
1. ทำให้เกิดโรคฝุ่นหินกับผู้อาศัยในบริเวณใกล้เคียง
2. ทำลายผิวถนนให้ชำรุดอย่างรวดเร็วเนื่องจากไม่สามารถรับน้ำหนักของการบรรทุกหินที่เกินขนาดมาตรฐานได้
3. ทำให้อาคารบ้านเรือนได้รับความเสียหายจากแรงสะเทือนของการระเบิดหิน
4. ก่อให้เกิดมลพิษสิ่งแวดล้อมและส่งผลกระทบต่อการเกษตร เนื่องจากผงฝุ่นของหินปลิวจับใบไม้ของพืชเศรษฐกิจต่าง ๆ ทำให้ไม่สามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่และไม่สามารถออกดอก/ผล เพื่อให้เกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตได้
ความสำคัญทางเศรษฐกิจ
แร่หินที่ได้จะมีการแปรรูปเป็นหินที่ใช้สำหรับก่อสร้างประเภทต่าง ๆ และเป็นส่วนสำคัญในการผลิตปูนซิเมนต์เพื่อใช้ในงานคอนกรีต รวมทั้งใช้สร้างถนนและอุตสาหกรรมก่อสร้างทุกประเภท

วนอุทยานน้ำตกกะเปาะ อยู่ในตำบลสลุย ห่างจากอำเภอท่าแซะ ตามทางหลวงสายเพชรเกษม ประมาณ 13 กิโลเมตร ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 466-468 หรือจากสี่แยกปฐมพรไปตามถนนเพชรเกษม ประมาณ 30 กิโลเมตร อยู่ริมถนนทางขวามือก่อนถึงตัวเมืองชุมพร วนอุทยานแห่งนี้มีเนื้อที่ประมาณ 7,010 ไร่ มีบรรยากาศเป็นส่วนป่าร่มรื่น ในบริเวณนี้มีน้ำตกขนาดเล็กที่มีน้ำไหลตลอดปี เหมาะแก่การพักผ่อน
ศาลพ่อตาหินช้าง ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ตำบลสลุย อยู่ริมเชิงเขาติดกับถนนเพชรเกษมกิโลเมตรที่ 453 เป็นที่ประดิษฐานหินรูปช้างอันศักดิ์สิทธิ์เป้นที่เคารพสักการะของผู้เดินทาง
วัดเทพเจริญ (ถ้ำรับรอ) ตั้งอยู่ตำบลท่าข้าม จากถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) กิโลเมตรที่ 490 มีทางแยกซ้ายไปประมาณ 4 กิโลเมตร วัดเทพเจริญ ได้รับการประกาศเป็นโบราณสถานของชาติ เมื่อปี 2479 วัดตั้งอยู่เชิงเขารับร่อ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองโบราณอุทุมพร อันเป็นเมืองท่ารักษาด่านทางข้ามคอคอดมลายู มีการสร้างพระพุทธรูปหลวงปู่หลักเมืองไว้ในถ้ำ และพระพุทธรูปทรงเครื่องปางมารวิชัย 577 องค์ ถัดมาคือถ้ำอ้ายเตย์สภาพภายในถูกดัดแปลงเพื่อใช้เป็นสถานที่วิปัสสนากรรมฐานมีภาพเขียนสีพระพุทธรูปปางไสยาสน์อยู่บนผนังถ้ำ คาดว่าเป็นศิลปะสมัยอยุธยา แต่ยังวาดไม่เสร็จ และมีถ้ำไทร ซึ่งเดิมเป็นที่พำนักของเจ้านายชั้นผู้ใหญ่คราวสร้างศาลหลักเมืองงดงามด้วยหินงอกหินย้อย บริเวณศาลาราษฎร์สามัคคีเป็นที่ตั้งสังขารของหลวงปู่ไสย ซึ่งมรณภาพแล้วแต่ร่างกายไม่เน่าเปื่อย และมีรอยพระพุทธบาทหินทรายสลักภาพลายมงคล 108 ประการ ขอบสลักภาพการตั้งถิ่นฐานของชนกลุ่มน้อย นอกจาก นั้นยังมีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นที่รวบรวมโบราณวัตถุที่พบในบริเวณวัด และมีการแกะตัวหนังตะลุงลวดลายงดงาม โดยมีฝีมือ คุณลุงเว้น จิตต์ธารา สนใจสอบถามรายละเอียด โทร.0-7754-7056

อำเภอละแม
บ่อน้ำพุร้อน ถ้ำเขาพลู ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ตำบลสวนแตง จากถนนเพชรเกษมแยกซ้ายกิโลเมตรที่ 92 ไปบ้านดวดประมาณ 700 เมตร บริเวณเชิงเขามีบ่อน้ำพุร้อนจำนวน 3 บ่อ แวดล้อมด้วยป่าทึบ แต่ละบ่อมีน้ำร้อนผุดจากผิวดินน้ำร้อนพอประมาณสามารถล้างหน้าและเช็ดตัวได้ ระหว่างทางไปบ่อมีการจัดทำเส้นทางปูลาดด้วยหินกลมมน ผ่านป่าสละและป่าหวายก็จะมี สัตว์ต่างๆ ให้พบเห็น เช่น กระรอก นกสวยงามหลายชนิด ลิงกับฝูงใหญ่ที่อาศัยอยู่ตามต้นไม้
หาดตะวันฉาย เป็นชายหาดกว้าง ยาวขนานไปกับทิวมะพร้าว เหมาะสำหรับการพักผ่อนและชมวิถีชีวิตชาวประมง นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางโดยรถยนต์จากถนนเพชรเกษมถึงสี่แยกอำเภอละแม แยกซ้ายไปอีกประมาณ 7 กิโลเมตร

หนองใหญ่ เป็นโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมในจังหวัดชุมพร อยู่ริมถนนสายชุมพร-อ่าวทุ่งวัวแล่น ถึงชลประทานจังหวัดชุมพร แล้วแยกขวาใช้เส้นทางเลียบคลองหัววัง-พนังตัก จนถึงที่ทำการโครงการ ในพื้นที่ 3,000 ไร่ ประกอบด้วยอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ มีไม้ยืนต้นปลูกเป็นแนวรอบอ่างเก็บน้ำ บรรยากาศเงียบสงบร่มรื่น ริมอ่างเก็บน้ำเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ มีนกทุ่งอาศัยอยู่หลายชนิด เหมาะแก่การศึกษาชีวิตนกและระบบนิเวศของพื้นที่ชุ่มน้ำ
หาดทุ่งวัวแล่น เป็นชายหาดที่สวยงามขึ้นชื่อของอำเภอปะทิว ตั้งอยู่ที่ตำบลสะพลี ห่างจากตัวจังหวัดชุมพร ไปตามถนนสายชุมพร-หาดทุ่งวัวแล่น ระยะทาง 16 กิโลเมตร เป็นชายหาดที่มีเม็ดทรายสีขาวนวลละเอียดทอดตัวยาวสุดสายตา ลักษณะเป็นชายหาดน้ำตื้นค่อยๆ ลาดเอียงลงทีละน้อย เหมาะแก่การเล่นน้ำเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ส่วนทางด้านใต้ของหาดติดภูเขาจะเป็นหาดที่มีหินอยู่มากมาย
หาดถ้ำธง-บางเบิด ตำบลปากคลอง จากอำเภอเมืองใช้เส้นทางถนนเพชรเกษม แยกขวากิโลเมตรที่ 426 เข้าไป 21 กิโลเมตร หาดทรายสวยงดงามทอดยาวกว่า 5 กิโลเมตรจดเทือกเขาหินปูนรูปทรงแปลกตาและหมู่บ้านชายทะเล ขนาบด้วยถนนเลียบชายหาดและทิวสนตลอดเส้นทาง เหมาะสำหรับขับรถหรือปั่นจักรยานเที่ยวทะเล ชายหาดทอดยาวไปถึงบางเบิด ในเขตจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งโครงการส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เขตอนุรักษ์สัตว์ป่าถ้ำเขาพลู จากตัวเมืองตามทางหลวงหมายเลข 3253 ห่างจากที่ว่าการอำเภอปะทิวประมาณ 3 กิโลเมตร ลักษณะเป็นเทือกเขาหินปูนทอดยาวขนานไปกับถนนรูปทรงสวยงามเป็นแหล่งอาศัยของค่างแว่นถิ่นใต้ ซึ่งแต่ละฝูงจะลงมาหากินอาหารบริเวณเชิงเขาริมถนนในเวลาเย็น
อ่าวบ่อเมา (อ่าวบ่อมูล) เป็นอ่าวกว้างชายหาดยาวริมทะเลเป็นทิวสนมีชาวประมงอาศัยอยู่ จากอ่าวบ่อเมานักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือไป เกาะไข่ อยู่ห่างจากหาดบ่อเมาประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นเกาะขนาดเล็กที่มีหาดทรายสั้นๆ รอบเกาะ สามารถดำผิวน้ำดูปะการังได้ รอบๆ เกาะมีปลาชุกชุม จึงเป็นจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมตกปลา สอบถามรายละเอียดได้ที่ ที่ทำการชมรม สำนักงานหินกบการเกษตร (หน้าสำนักสงฆ์หินกบ) โทร.0-1968-9394 หรือเช่าเรือชาวบ้านได้บริเวณนั้น
หาดสะพลี ตั้งอยู่ที่ หมู่ 4 ตำบลสะพลี (บริเวณอ่าวสะพลี)อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอปะทิว ไปทางใต้ประมาณ 16 กิโลเมตร หรืออยู่ห่างจากตัวเมืองชุมพร ไปตามถนนลาดยางสายชุมพร-สะพลี ประมาณ 18 กิโลเมตร หาดสะพลี เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวประมงชื่อ บ้านเสม็ด เป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงในการทำกะปิและน้ำปลา นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้ออาหารทะเลตากแห้งได้ที่นี่

ประวัติความเป็นมา
ในระหว่าง วันที่ 23 กรกฎาคม – 20 สิงหาคม 2536 กรมป่าไม้ โดยส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่าได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ออกไปดำเนินการสำรวจเบื้องต้นในท้องที่ตำบลน้ำจืด ตำบลมะมุ ตำบลปากจั่น และตำบลลำเลียง อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง และตำบลบ้านนา อำเภอเมือง ตำบลวิสัยใต้ ตำบลครน ตำบลทุ่งระยะ และตำบลเขาทะลุ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร เนื้อที่ประมาณ 211,650 ไร่ (338.64 ตารางกิโลเมตร) ผลการสำรวจ เจ้าหน้าที่มีความเห็นว่ามีพื้นที่เหมาะสมที่จะประกาศให้เป็น “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทุ่งระยะ – นาสัก”
วันที่ 10 กรกฎาคม 2539 ประกาศจัดตั้งเป็น เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งระยะ – นาสัก ตามพระราชกฤษฎีกาในราชกิจจานุเบกษาครอบคลุมพื้นที่รอยต่อ 2 จังหวัด คือ จังหวัดระนอง และจังหวัดชุมพร
สถานที่ตั้งและอาณาเขต
ทิศเหนือ จรดคลองกุ่ม คลองง่อม คลองหินใส ท้องที่ตำบลวิสัยเหนือ ตำบลทุ่งคา ตำบลบ้านนา อำเภอเมืองจังหวัดชุมพร คลองวัน ท้องที่ตำบลมะมุ อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง
ทิศใต้ จรดอุทยานแห่งชาติ กระบุรี อำเภอละอุ่น จังหวัดระนอง
ทิศตะวันออก จรดคลองพลึง คลองวิสัย ท้องที่ตำบลวิสัยใต้ คลองน้ำลอด คลองน้ำลอดน้อย ตำบลทุ่งระยะ ตำบลนาสัก อำเภอสวี จังหวัดชุมพร
ทิศตะวันตก จรดคลองพรุใหญ่ คลองกระบุรี ตำบลน้ำจืดน้อย คลองบางบอน คลองบางนา คลองลำเลียง คลองแพรกดาด ตำบลลำเลียง อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง
ภูมิประเทศ
พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งระยะนาสักและนาสัก เนื้อที่ประมาณ 211,650 ไร่ หรือประมาณ 338.64 ตารางกิโลเมตร อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 4 ป่า คือ
1. ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าทุ่งระยะและป่านาสัก ตำบลวิสัยใต้ ตำบลครน ตำบลทุ่งระยะ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร
2. ป่าสงวนแห่งชาติป่าเสียบญวน และป่าท่าสาร ตำบลบ้านนา อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร
3. ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าน้ำจืด ป่ามะมุ และป่าปากจั่น ท้องที่ตำบลน้ำจืด ตำบลมะมุ ตำบลปากจั่น อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง
4. ป่าสงวนแห่งชาติป่าลำเลียง ท้องที่ตำบลลำเลียง อำเภอลำเลียง อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง
ภูมิอากาศ
สภาพอากาศอยู่ในเขตมรสุมเขตร้อนซึ่งมีอากาศชุ่มชื้นฤดูฝน เริ่มเดือนพฤษภาคม - ตุลาคม ซึ่งเป็นอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ส่วนในช่วงที่มีฝนตกน้อย คือ ช่วงเดือนธันวาคม – เมษายน โดยได้รับอิทธิพลลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ
ป่าไม้
เป็นป่าดิบชื้น ดินมีความอุดมสมบูรณ์มีพรรณไม้นานาชนิด ได้แก่ ตะเคียนทอง สมอพิเภก แซะก่อ ตะเคียนทราย ตะเคียนซวย ช้างแหก มะปริง ดำดง เสียดค่าง อินทนิล เสียดช่อ ส้าน หลุมพอ ตะเคียนหิน เม่าเหล็ก ตะแบกใหญ่ สาเสือ ไข่เขียว หรือโดแหลม ยางนา กระบาก ยูง คอแห้ง กะเบียด สังธรรม จิกเขา สุเหรียญ มังดะ พรมคต สะแกแสง ซิบ กฤษณา กาสาย เลือดควาย ตุ่งกิ่ง สะตอป่า ลางสาด เขาสมพง จำปา นนทรี มะม่วงป่า รักเขา ทัง เทพท่าโร เตยนะ ค่างเต้น ตะโกลน ขี้หนอน และแคยอดคำ
สำหรับพรรณไม้ที่เป็นอาหารของสัตว์ป่า ได้แก่ ไทร มะเดื่อ กระท้อนป่า พะเนียง มะกอกป่า หว้า ขนุนป่า ไผ่ผาก ระกำ และหวาย
ไม้พื้นล่างต่าง ๆ หลายชนิด เช่น เฟิร์น กล้วยไม้ ปาล์ม และพุดป่า
สัตว์ป่า
เนื่องจากสภาพป่าเป็นป่าดิบชื้นที่อุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ป่าอยู่มากมาย เช่น เลียงผา หมีคน กวางป่า อีเก้ง หมีขอ กระทิง วัวแดง สมเสร็จ เสือ อีเห็น หมูป่า แมวดาว เสือปลา และนกชนิดต่าง ๆ เท่าที่สำรวจพบมี นกเปล้า นกตบยูง และนกกวักลิ่น สัตว์เลื้อยคลานชนิดที่สำคัญ ได้แก่ตะกวด เห่าช้าง เหี้ย ตะพาบน้ำ งูชนิดต่าง ๆ เช่น งูเขียวต่าง ๆ เช่น งูเขียวหางไหม้ งูกะปะ งูสายพราน งูเหลือม งูเขียว และงูจงอาง เป็นต้น
จุดเด่นที่น่าสนใจ
น้ำตกบกทราย อยู่ปลายคลองบางบอน หมู่ที่ 8 ตำบลน้ำจืด อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง เส้นทางเข้าน้ำตกเป็น เส้นทางลาดยาง จากถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) เข้าถึงน้ำตกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร
น้ำตกธารทิพย์ (แบกลาย) ท้องที่หมู่ที่ 9 ตำบลครน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ไม่มีเส้นทางเข้าออกต้องเดินทางไปตามทางด่านตรวจสัตว์ป่าจึงจะไปถึงน้ำตกได้
น้ำตกชุมแสง ตำบลปากจั่น อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง เป็นเส้นทางลูกรังจากถนน เพชรเกษม เข้าถึงน้ำตกระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร
น้ำตกบางใหญ่ ตำบลลำเลียง อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง เป็นเส้นทางลูกรังเข้าสู่น้ำตกระยะทาง ประมาณ 3 กิโลเมตร
น้ำตกตาดโตน หมู่ที่ 8 ตำบลบ้านนา อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร
การเดินทาง
ระยะทางจากกรุงเทพฯ ไปยังที่ทำการ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งระยะและนาสัก ระยะทางประมาณ 585 กิโลเมตร เดินทางตามถนนสายเอเชีย แล้วเลี้ยวขวาสี่แยกปฐมพร เดินทางต่ออีกประมาณ 70 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการเขตบริเวณน้ำตกบกทราย ในท้องที่ หมู่ที่ 8 ตำบลบางน้ำจืด อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง ระหว่างกิโลเมตรที่ 556 – 557 ทางเข้าหน่วยงานเป็นเส้นทางลาดยาง ระยะทางห่างจากเพชรเกษม ประมาณ 10 กิโลเมตร
สถานที่ติดต่อ
ตู้ปณ.4 ตำบลบางน้ำจืด อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง 85110 โทรศัพท์ (077) 841319 , (077 )811267


มหาสารคาม เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ใจกลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีบรรยากาศเต็มไปด้วยความสงบ และเป็นศูนย์กลางทางด้านการศึกษาของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงได้ชื่อว่าเป็น “ตักศิลาแห่งอีสาน” เนื่องจากมีสถาบันการศึกษาอยู่มากมายหลายแห่ง อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 475 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 5,291 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 11 อำเภอ และ 2 กิ่งอำเภอ คือ อำเภอเมืองมหาสารคาม กันทรวิชัย โกสุมพิสัย วาปีปทุม บรบือ พยัคฆภูมิพิสัย นาเชือก เชียงยืน นาดูน แกดำ ยางสีสุราช กิ่งอำเภอกุดรังและกิ่งอำเภอชื่นชม
อาณาเขต
• ทิศเหนือ ติดกับจังหวัดกาฬสินธุ์
• ทิศใต้ ติดกับจังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดบุรีรัมย์
• ทิศตะวันออก ติดกับจังหวัดร้อยเอ็ด
• ทิศตะวันตก ติดกับจังหวัดขอนแก่น
การเดินทาง
• รถยนต์ จากกรุงเทพฯเดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) แล้วต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) ที่จังหวัดสระบุรี ผ่านจังหวัดนครราชสีมา (ทางหลวงหมายเลข 226) เข้าจังหวัดบุรีรัมย์(ทางหลวงหมายเลข 219) ผ่านอำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย อำเภอบรบือ เข้าสู่จังหวัดมหาสารคาม รวมระยะทางประมาณ 475 กิโลเมตร
• รถโดยสารประจำทาง บริษัท ขนส่ง จำกัด มีรถโดยสารประจำทางทั้งรถธรรมดาและรถปรับอากาศบริการวันละหลายเที่ยว รายละเอียดสอบถามได้ที่สถานีเดินรถสายตะวันออกเฉียงเหนือ หมอชิต 2 โทร. 936-2852-66 สำหรับบริษัทเดินรถเอกชนที่วิ่งบริการไปจังหวัดมหาสารคามคือ มงคลทัวร์ โทร. (043) 711072 กรุงเทพฯ โทร. 936-3638-9
• สำหรับผู้ที่เดินทางโดยรถไฟ หรือเครื่องบิน จะต้องลงที่จังหวัดขอนแก่น แล้วต่อรถยนต์มาจังหวัดมหาสารคามอีกประมาณ 72 กิโลเมตร
ระยะทางจากตัวเมืองไปยังอำเภอและกิ่งอำเภอต่างๆ
อำเภอกันทรวิชัย 18 กิโลเมตร
อำเภอบรบือ 26 กิโลเมตร
อำเภอโกสุมพิสัย 28 กิโลเมตร
อำเภอแกดำ 28 กิโลเมตร
อำเภอวาปีปทุม 40 กิโลเมตร
อำเภอเชียงยืน 55 กิโลเมตร
อำเภอนาเชือก 58 กิโลเมตร
อำเภอนาดูน 64 กิโลเมตร
อำเภอยางสีสุราช 70 กิโลเมตร
อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย 82 กิโลเมตร
กิ่งอำเภอกุดรัง 70 กิโลเมตร
กิ่งอำเภอชื่นชม 40 กิโลเมตร


อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเขาพระวิหาร มีเนื้อที่ประมาณ 130 ตารางกิโลเมตรครอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัดคือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ และกิ่งอำเภอน้ำขุ่น กับอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานีได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 83 ของประเทศไทยเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2541 สภาพภูมิประเทศทั่วไปส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาตามแนวทิวเขาพนมดงรักกั้นชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ปกคลุมด้วยป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าจำนวนมากที่อาศัยหากินข้ามไปมาในผืนป่าระหว่างสองประเทศได้แก่ หมูป่า กวาง เก้ง กระต่าย กระรอก ชะนี ชะมด เป็นต้น อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารยังมีแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมที่น่าสนใจ ดังนี้
ผามออีแดง ตั้งอยู่ที่ชายแดนไทย กัมพูชา เป็นหน้าผาหินสีแดงที่มีทัศนียภาพกว้างไกลสุดตาและจากจุดนี้นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นปราสาทเขาพระวิหารได้ นับเป็นจุดชมวิวในมุมสูงที่สวยงามแห่งหนึ่งในภาคอีสาน
ภาพสลักนูนต่ำ อยู่ทางทิศใต้ของผามออีแดง มีบันไดให้ลงไปชมได้สะดวก เป็นภาพเทพสามองค์ เชื่อว่าเป็นที่ซ้อมมือของช่างในการแกะสลักก่อนเริ่มการแกะสลักจริงที่ปราสาทเขาพระวิหาร
สถูปคู่ ชาวบ้านเรียกว่าพระธาตุ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของผามออีแดง ตัวสถูปทำจากหินทรายตัดเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ด้านบนกลมมนตั้งอยู่คู่กัน ข้างในเป็นโพรงบรรจุสิ่งของ เชื่อกันว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ของสมัยนั้น
ปราสาทโดนตวล สร้างราวพุทธศตวรรษที่ 15-16 อยู่บริเวณบ้านภูมิซรอล เป็นปราสาทหินแบบขอม ตั้งอยู่ในเขตประเทศไทยห่างจากหน้าผาชายแดนไทย-กัมพูชา ประมาณ 300 เมตร มีตำนานเล่าว่านามนมใหญ๋ (เนียงเดาะทม) ได้แวะพักที่แห่งนี้ในขณะที่เดินทางไปเฝ้ากษัตริย์พระองค์หนึ่ง
น้ำตกและถ้ำขุนศรี น้ำตกอยู่เหนือถ้ำขุนศรีสูง 3 ชั้น ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตกของสระตราวใกล้เส้นทางเดินขึ้นปราสาทเขาพระวิหาร ส่วนถ้ำขุนศรีภายในมีขนาดกว้างเชื่อกันว่าเป็นที่พักของขุนศรี ขณะมาควบคุมการตัดหินบริเวณสระตราวเพื่อใช้สร้างปราสาทเขาพระวิหาร
เขื่อนห้วยขนุน เป็นอ่างเก็บน้ำชลประทานและเป็นที่ตั้งหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ เขื่อนห้วยขนุน ห่างจากที่ทำการอุทยานฯประมาณ 15 กิโลเมตร มีทิวทัศน์สวยงามเหมาะแก่การ พักผ่อนเที่ยวชมธรรมชาติ และเข้าค่ายกางเต็นท์พักแรม
เส้นทางศึกษาธรรมชาติกล้วยไม้เขาพระวิหาร ระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร มีกล้วยไม้หลากหลายชนิด นอกจากนี้ยังมีพืชสมุนไพรมากมายเหมาะแก่การศึกษาหาความรู้
ช่องอานม้า เป็นจุดผ่อนปรนในการค้าขายและผ่านแดนระหว่างไทย-กัมพูชา อยู่ที่ตำบลโซง อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เปิดเฉพาะวันอังคารและวันพฤหัสบดี
การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ถึงสระบุรีเลี้ยวขวาสู่ทางหลวง หมายเลข 2 (มิตรภาพ) ก่อนถึงอำเภอสีคิ้วเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 24 ผ่านอำเภอปักธงชัย อำเภอสังขะ และอำเภอขุขันธ์ ถึงสี่แยกตัดกับทางหลวงหมายเลข 221 เลี้ยวขวาเข้าสู่อำเภอกันทรลักษ์ แล้วต่อไปยังที่ทำการอุทยานฯ หรือ จากจังหวัดอุบลราชธานี ใช้ทางหลวงหมายเลข 2178 และ 221 ผ่านอำเภอวารินชำราบ อำเภอสำโรง อำเภอ เบญจลักษ์ และอำเภอกันทรลักษ์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่พักและสถานที่กางเต็นท์ได้ที่ศูนย์บริการ นักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร 0 9522 4265 หรือ ส่วนอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ โทร. 0 2579 7223 , 0 2579 5734
ปราสาทเขาพระวิหาร อยู่ห่างจากอำเภอกันทรลักษ์ ประมาณ 35 กิโลเมตร ตั้งอยู่บนเทือกเขาพนมดงรักในเขตประเทศกัมพูชา บริเวณที่ติดกับผามออีแดงของประเทศไทย ตัวปราสาทหันหน้ามาทางด้านที่ติดกับประเทศไทย ปราสาทเขาพระวิหารเดิมอยู่ในความ ปกครองดูแลของไทย กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานประกาศในหนังสือราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ.2483 และหลังจากการตัดสินของศาลโลก ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 เป็นต้นมาได้เปลี่ยนไปอยู่ภายใต้การปกครองดูแลของประเทศกัมพูชาสืบมาจนถึงปัจจุบัน สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการเปิดให้เข้าชมปราสาทเขาพระวิหารได้ที่ประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ โทร. 0 4561 2545
การเข้าชมปราสาทเขาพระวิหาร นักท่องเที่ยวสามารถสามารถเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารที่อยู่ในเขตแดนไทย โดยคนไทยเสียค่าธรรมเนียมการเข้าอุทยานคนละ 20 บาท ชาวต่างประเทศ 200 บาท และ ค่าผ่านแดนออกนอกประเทศคนละ 5 บาท เมื่อจะเข้าชมปราสาทเขาพระวิหาร กัมพูชาเก็บค่าธรรมเนียมชาวไทยคนละ 50 บาท ชาวต่างประเทศคนละ 200 บาท
น้ำตกภูละออ เป็นน้ำตกขนาดเล็กจะสวยงามในช่วงเดือนกันยายน-กุมภาพันธ์ ทางเดินท้าวจากบริเวณลานจอดรถถึงน้ำตกในระยะทางไป-กลับประมาณ 4 กิโลเมตร ได้รับ การพัฒนาให้เป็นเส้นทางที่ให้ความรู้เรื่องพืชพันธุ์และสภาพภูมิประเทศ ซึ่งเหมาะแก่ การท่องเที่ยวในลักษณะเดินป่าศึกษาธรรมชาติ

เทศกาลและงานประเพณี
งานเทศกาลดอกลำดวน จัดขึ้นเป็นประจำระหว่างวันที่ 15–17 มีนาคมของทุกปี ณ สวนสมเด็จศรีนครินทร์ เป็นช่วงที่ดอกลำดวนในสวนกำลังบาน ภายในงานประกอบด้วยการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านสี่เผ่า คือ เขมร ส่วย ลาว เยอ การออกร้านจำหน่ายสินค้าหัตถกรรม สินค้าพื้นเมือง การแสดงละครประกอบแสงเสียงตำนานการสร้างเมือง
งานเทศกาลเงาะทุเรียนศรีสะเกษ จัดขึ้นเป็นประจำในช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปี ณ สนามหน้าที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ หรืออำเภอขุนหาญ โดยจะจัดสลับกันแห่งละปี ภายในจะมีกิจกรรมมากมาย เช่น การออกร้านจำหน่ายพืชผักผลไม้ศรีสะเกษนานาชนิด เช่น เงาะ ทุเรียน ลองกอง มังคุด สะตอ ยางพารา เป็นต้น การจัดขบวนแห่รถประดับด้วยผลไม้ การจัดนิทรรศการทางวิชาการ และการจัดกิจกรรมคาราวานชมสวนชิมผลไม้ศรีสะเกษ
การแข่งขันวิ่งฮาล์ฟและควอเตอร์มาราธอนสู่ผามออีแดง จัดขึ้นในวันอาทิตย์ สัปดาห์ที่ 3 ของเดือนสิงหาคมของทุกปี บนเส้นทางขึ้นสู่เขาพระวิหาร ระหว่างหมู่บ้านภูมิซรอล-ผามออีแดง อำเภอกันทรลักษ์ เนื่องจากเป็นเส้นทางขึ้นเขาสู่ชายแดนที่ต้องวิ่งฝ่าสายหมอกในช่วงปลายฤดูฝน จึงนับเป็นเส้นทางที่ท้าทายและเป็นสนามประลองกำลังที่นักกีฬาวิ่งมาราธอนให้ความสนใจมากอีกแห่งหนึ่ง
สินค้าที่ระลึก ได้แก่ ผ้าไหม และผ้าฝ้ายลายขิต ทอกันมากที่อำเภอบึงบูรพ์และอุทุมพรพิสัย สินค้าหัตถกรรม เช่น ครุน้อย เกวียนน้อย รวมทั้งตะกรัาและกระเป๋าจักสาน ซึ่งทำด้วยฝีมืออันประณีต หาซื้อได้บริเวณถนนราชการรถไฟ นอกจากนี้ยังมีสินค้าประเภทอาหาร เช่น ไข่เค็มอำเภอไพรบึง หอมแดง กระเทียม และกระเทียมโทนดองน้ำผึ้งคุณภาพดี ที่หาซื้อได้ทั่วไป

บทความที่ได้รับความนิยม